ShineStock☀ สรุปหนังสือ WHY MOATS MATTER
หรือป้อมปราการทางธุรกิจที่ วอเรน บัฟเฟต นักลงทุนระดับโลก ใช้ประกอบในการคัดเลือกหุ้นสำหรับลงทุนครับ
โดยหลักแล้วจะมีป้อมปราการอยู่ 5 ประเภท ได้แก่
1. สินทรัพย์ไม่มีตัวตน (intangible asset)
– แบรนด์
– สิทธิบัตร / ลิขสิทธิ
– สัมปทาน / ใบอนุญาต จากภาครัฐ
2. ความได้เปรียบด้านต้นทุน (cost advantage)
– การประหยัดต่อขนาด (ผลิตเยอะต้นทุนเฉลี่ยต่ำ)
– ความได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์ ใกล้แหล่งวัตถุดิบ หรือที่ตั้งจำกัดทำให้คู่แข่งใหม่เข้ามาได้ยาก
– ประสิทธิภาพการผลิตหรือการบูรณาการสายการผลิตร่วมกัน
3. ต้นทุนการเปลี่ยนย้าย (switching cost)
– ความคุ้มค่าเทียบกับความเสี่ยงของการเปลี่ยนไปใช้สินค้า/บริการของบริษัทอื่น
– วงจรของผลิตภัณฑ์ หรือวงจรของเทคโนโลยีที่มีผลต่อ switching cost ที่ต่ำลงและเสี่ยงน้อยลงในอนาคต
4. พลังของเครือข่าย (Network effect)
– การเพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการลงไปในเครือข่าย เพื่อให้เกิดประโยชน์กับทั้งผู้ขายและผู้ใช้งาน
– การเพิ่มปริมานและรักษาเครือข่ายให้คงอยู่ต่อไปในอนาคต
– ความกว้างและขนาดของเครือข่าย ช่วยส่งเสริมให้เกิด Moats ด้านอื่นๆให้แข็งแกร่งขึ้น เช่น brand / cost advantage / switching cost เป็นต้น
5. ขนาดที่มีประสิทธิภาพ (Efficient scale) หรืออาจเรียกว่า ขนาดที่มีอยู่จำกัด น่าจะเข้าใจง่ายกว่า
– ตลาดที่เล็ก มีขนาดจำเพาะ ทำให้ไม่มีคนสนใจ
– มีบริษัทคู่แข่งน้อยในตลาด ทำให้ตั้งราคาและรักษาอัตรากำไรที่สูงได้
=================================================
โดยในหนังสือได้ยกตัวอย่างธุรกิจหลายประเภทไล่เรียงกันตั้งแต่ธุรกิจที่มี Moats ที่แข็งแกร่ง ไปจนถึงธุรกิจบางประเภทที่ไม่มี Moat อยู่เลย
ซึ่งผมขอสรุปแบ่งตามหมวดอุตสาหกรรม ดังนี้
☀1) Basic Materials
โดยปกติแล้วกลุ่มนี้เกือบทั้งกลุ่มเป็นบริษัทที่ไม่มีอำนาจในการกำหนดราคามากนัก เพราะราคาขายมักขึ้นกับ demand-supply ในตลาด จึงมี Moats ที่อ่อนแอ
1.1 บริษัทผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น อลูมิเนียม กระดาษ เหล็ก
– ต้นทุนการผลิตและกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยให้บริษัทนั่นมี Moats ในระดับนึงแต่ไมถึงกับแข็งแกร่ง
– มีคู่แข่งทั่วโลก สินค้าสามารถทดแทนได้ง่าย
1.2 บริษัทแปรรูปสินค้าโภคภัณฑ์
– บางบริษัทมี Moat จากต้นทุนการแปรรูปที่ต่ำหรือมีเทคนิคการแปรรูปที่เลียนแบบได้ยาก
– สถานที่ตั้งใกล้แหล่งวัตถุดิบ ช่วยให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดีกว่าคู่แข่ง แต่ต้องไม่ลืมดูว่าแหล่งวัตถุดิบนั้นๆมีอายุจำกัดหรือไม่
– การลงทุนที่สูงและใช้เวลานานอาจเป็นตัวช่วยกีดกันคู่แข่งในบางกรณี
1.3 โลหะและเหมืองแร่
– ต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าคู่แข่ง ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้บริษัทอยู่รอดได้ในภาวะราคาสินค้าตกต่ำจนคู่แข่งค่อยๆหายไป
– มีสัมปทานภาครัฐช่วยกีดกัน (ในบางประเทศ) แต่ต้องแน่ใจว่าไม่ได้จ่ายเงินลงทุนแพงเกินไปจนทำให้ยิ่งขุดยิ่งขาดทุน
– กฎเหล็ก 3 ข้อของธุรกิจเหมืองแร่ 1.ยิ่งใหญ่ยิ่งดี(ช่วยให้เก็บเกี่ยวได้นานและลงทุนทีเดียวอยู่) 2.คุณภาพของแร่ยิ่งดีกำไรยิ่งสูง(ความหนาแน่นของแร่ต่อดินที่ขุดออกมา 1 ตันยิ่งสูงยิ่งดี) 3.การแปรูปต้องไม่ซับซ้อน(ไม่ทำให้ต้นทุนสูงเกินไป)
☀2) Consumer
แบรนด์ถือเป็น Moats หลักของธุรกิจประเภทนี้ รองลงมาคือเครือข่ายการจัดจำหน่าย แต่ธุรกิจประเภทนี้มี Switching Cost ต่ำหรือแทบไม่มีเลย หากเราเบื่อก็ย้ายไปกินอีกยี่ห้อไม่ยากนัก
2.1 เครื่องดื่ม
– ต้องอาศัยแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ไม่มีใครเปลี่ยนไปกินเบียร์ ไวน์ หรือน้ำอัดลมที่ไม่มีแบรนด์แม้จะขายราคาถูกกว่าโค้กหรือเป๊ปซี่ก็ตาม
– เครือข่ายการกระจายสินค้าเป็นอีก Moat หลักๆที่ช่วยให้บริษัทที่เป็นเจ้าตลาดเดิม แข็งแกร่ง เพราะผู้เล่นหน้าใหม่อาจต้องมาขอใช้เครือข่ายกระจายสินค้าจากเจ้าเดิม เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าของตนเองได้อย่างทั่วถึง
2.2 สินค้าอุปโภค
– แบรนด์ ทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่น
– ปริมาณการผลิตที่สูงจนเกิด Economic of scale ทำให้ต้นทุนดีกว่าคู่แข่ง
– การเป็นเจ้าของแบรนด์ที่หลากหลาย และมีการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้บริษัทมี Moats ที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต
2.3 บุหรี่
– การมีแบรนด์แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคทั้งหน้าใหม่และเก่า
– บริษัทต้องมีอำนาจในการตั้งราคาขายได้ แม้ว่าปริมาณผู้สูบบุหรี่จะลดลง
– ให้ระวังสินค้าทดแทน เช่น บุหรี่ไฟฟ้า หรือกัญชา ที่อาจกินส่วนแบ่งตลาดของผู้สูบ
– กฎระเบียบของแต่ละประเทศก็เป็นตัวที่ช่วยส่งเสริมหรือทำลาย Moat ทางธุรกิจนี้ได้
2.4 ร้านอาหาร
– การแข่งขันของธุรกิจประเภทนี้ดุเดือด ไม่มีป้อมปราการกีดกันผู้เล่นหน้าใหม่ ไม่มี switching cost และมีสินค้าทดแทนอยู่เต็มไปหมด
– มีหลายๆแบรนด์ที่สร้าง Moats ขึ้นมาได้ เช่น McDonald หรือ Starbuck
– แบรนด์ที่แข็งแกร่งทำให้สามารถตั้งราคาขายสูงกว่าได้ เนื่องจากเป็นที่รู้จักทั่วโลก
– พลังของเครือข่ายที่ช่วยให้มีอำนาจต่อรองกับ supplier ทำให้ประหยัดต้นทุนกว่าผู้เล่นรายอื่นๆ
2.5 ร้านค้าปลีก
– ความได้เปรียบด้านต้นทุนในการต่อรองกับ supplier จากการสั่งซื้อปริมาณมากๆ และเครือข่ายการขนส่งสินค้าที่ก็มีส่วนช่วยให้บริษัทประหยัดต้นทุนกว่าคู่แข่ง
– จำนวนสาขาที่ครอบคลุม ทำให้ได้เปรียบในการเข้าถึงลูกค้าได้มากกว่า แต่ก็เป็นข้อเสียหากยอดขายต่อสาขาไม่คุ้มกับเงินลงทุน
– ความเสี่ยงของคู่แข่งหน้าใหม่ และการแย่งตลาดจากเทคโนโลยี Online Shopping ต้องสำรวจว่าบริษัทมี platform สำหรับต่อกรกับคู่แข่งแล้วหรือไม่
☀3) Energy
เป็นอีกกลุ่มที่ไม่สามารถกำหนดราคาสินค้าได้และมีวัฎจักรของราคาสินค้า บริษัทส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมไม่มี Moats แต่ก็มีบางส่วนที่สร้าง Moats ไว้ได้ ซึ่งส่วนมากจะเป็นความได้เปรียบด้านต้นทุน เช่น เดียวกับกลุ่ม Material
3.1 บริษัทขุดเจาะ
– บริษัทที่มี Moats อยู่นั้นจะอาศัยชื่อเสียง ความชำนาญ และความเชื่อมั่นจากลูกค้าเป็นหลัก
– ขนาดของสินทรัพย์ เทคโนโลยี และอุปกรณ์ที่พิเศษกว่าคู่แข่ง อาจช่วยให้บริษัทมีต้นทุนต่ำกว่าและเรียกราคาการขุดได้สูงกว่า เช่น การขุดแบบเฉพาะทาง ลึกเกินกว่า 10000 ฟุต ที่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ และวิศวกรที่มีความชำนาญซึ่งมีเพียงไม่กี่บริษัทที่ให้บริการได้
3.2 บริษัทสำรวจและผลิต
– ความได้เปรียบด้านต้นทุนเป็น Moats หลักของกิจการ
– สิ่งที่ต้องคำนึงสำหรับธุรกิจคือ ขนาดของแหล่งสำรวจ ต้นทุนการผลิตต่อหน่วย(รวมทุกคชจ. ค่าเสื่อม ค่าภาคหลวง ค่าจ้างพนักงาน ค่าขุดเจาะ) และราคาที่ขายได้จริง
– ต้องดูแหล่งพลังงานสำรองของบริษัทเหลือกี่ปี และบริษัทสามารถหาแหล่งใหม่มาชดเชยได้หรือไม่
3.3 บริษัท Mid Stream / โรงกลั่น
– ความได้เปรียบด้านต้นทุนจากทำเลหรือภูมิศาสตร์ เช่น อยู่ใกลแหล่งวัตถุดิบ
– การบูรณาการด้าน Supply Chain เช่น บริษัทที่สร้าง plant ติดกันเป็น Complex ทำให้สามารถใช้พลังงานส่วนเหลือและสร้างสินค้าปิโตรเคมี หรือใช้ผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
– การลงทุนต้องใช้เงินปริมาณมาณสูง และใช้เวลานาน อาจตัดคู่แข่งออกไปได้ในระยะเวลานึง
☀4) Financial Service
เป็นอุตสาหกรรมที่สินค้าไม่แตกต่างกัน มีกฎระเบียบควบคุมจากภาครัฐและเกิดการแข่งขันกันในอุตสาหกรรมสูง
4.1 ธนาคาร
– ต้องความได้เปรียบด้านต้นทุน ซึ่งเกิดจากการหา source of fund ที่ต่ำ การบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ และการวิเคราะห์เครดิตเพื่อปล่อยกู้ได้มีประสิทธิภาพกว่าคู่แข่ง
– แม้ต้นทุนการเปลี่ยนย้ายต่ำ แต่หากลูกค้าผูกบริการหลายรูปแบบไว้กับธนาคาร ก็อาจเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับลูกค้าที่จะเปลี่ยนไปใช้บริการที่อื่น
– บางบริษัทมีรายได้จากส่วนงานอื่นที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย เช่น ค่าธรรมเนียมต่างๆ หากภาครัฐเริ่มควบคุมอาจกระทบต่อบริษัทได้มาก
– บางตลาดมีความได้เปรียบจากกฎหมายของประเทศนั้นๆที่ห้ามตั้งสถาบันการเงินเพิ่มเติม
4.2 บัตรเครดิต
– พลังของเครือข่ายเป็น Moats ที่สำคัญ เนื่องจากร้านค้าที่รับบัตรและให้สิทธิพิเศษก็จะมีลูกค้ามากขึ้น ในขณะเดียวกันฝั่งลูกค้าเมื่อเห็นว่าสมัครบัตรนี้ แล้วเอาไปใช้ซื้อของที่มีส่วนลดได้หลายร้านก็จะสนใจสมัครบัตรดังกล่าว
– แบรนด์ก็เป็นส่วนนึงของ Moat เพราะเกิดการยอมรับจากทั้งผู้ใช้บัตรและร้านค้าว่าจะได้รับชำระเงินแน่นอน จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่บริษัทหน้าใหม่จะเข้ามาแย่งลูกค้าจากเจ้าตลาดเดิม
– ข้อควรระวังคือ switching cost ที่ต่ำและมีสินค้าทดแทนได้หลายใบ หรือการเกิดช่องทางชำระเงินอื่นๆในปัจจุบัน เช่น e-payment หรืแ e-wallet แต่คงต้องดูกันต่อไปอีกสักระยะว่าจะกินส่วนแบ่งได้มากน้อยแค่ไหน
4.3 ประกันภัย
– การบริหารต้นทุนการรับประกันภัยที่ต่ำเป็น Moat ของบริษัทประกันภัย เพราะลูกค้าจะไม่เต็มใจจ่ายแพงกว่าแบรนด์อื่นๆ
– บริษัทประกันที่มีสินค้าเฉพาะทาง จะไปได้ดีกว่าบริษัทที่รับประกับหลายๆแบบจับฉ่าย
– มองว่าประกันชีวิตเป็นธุรกิจที่มีป้อมปราการน้อยกว่าประกันทรัพย์สินหรืออุบัติเหตุ เพราะอัตราการเสียชีวิตของคนค่อนข้างคงที่ และประกันชีวิตมีความเสี่ยงจากสภาพตลาดทุนสูงกว่า
☀5) Healthcare
เป็นกลุ่มที่มีป้อมปราการมากที่สุดกลุ่มนึงแต่ต้องแลกมาด้วยการลงทุนวิจัยและพัฒนาที่สูง
5.1 ยา
– สิทธิบัตรยา เป็น Moat หลักของบริษัทผลิตยา
– บริษัทที่ Moat แข็งแรง ต้องสินค้ามีหลากหลาย เพื่อชดเชยยาบางชนิดที่สิทธิบัตรหมดอายุ หรือมีปัญหากับยาบางชนิด
– บริษัทต้องมีการวิจัยและพัฒนาอยู่เสมอเพื่อให้ได้สินค้าใหม่ทดแทนยาชนิดเดิม
– บางบริษัทเน้นโฟกัสไปที่กลุ่มโรคหายาก ซึ่งจะมี Moat ในด้านตลาดที่มีอยู่จำกัด มีผู้เล่นน้อยราย ทำให้บริษัทรักษาอัตรากำไรในระดับสูงได้ต่อเนื่อง
– พลังของเครือข่ายก็เป็นอีก Moat ของบริษัทที่แข็งแกร่งในการกระจายยาของตนไปยังโรงพยาบาลหรือร้านค้าต่างๆได้อย่างทั่วถึง
5.2 อวัยวะเทียม และ biotechnology
– Moat ส่วนใหญ่เกิดจาก ขนาดตลาดที่จำกัด มีผู้เล่นน้อยราย เพราะเป็นการรักษาโรคที่หายาก หรืออวัยวะเฉพาะส่วน
– เทคโนโลยีการผลิตที่ซับซ้อน และสิทธิบัตรก็เป็นส่วนช่วยให้ธุรกิจมี Moat ที่แข็งแกร่งมากขึ้น
– ให้ระวังสินค้าทดแทนจากเทคโลโลยีอื่นๆที่อาจใช้งานได้ง่ายกว่า และมีต้นทุนที่ต่ำกว่า
5.3 เครื่องมือแพทย์
– ต้นทุนการเปลี่ยนย้ายที่สูง เป็น Moat ของบริษัทกลุ่มนี้เพราะบุคลากรต้องเรียนรู้ใหม่ทั้งหมดและไม่มีความคุ้นเคย
– เครื่องมือแพทย์บางชนิด เป็นตลาดที่จำกัด มีคู่แข่งน้อย
– ต้องมีการวิจัยพัฒนาอยู่เสมอเพื่อให้สามารถแข่งขันกับบริษัทอื่นๆ และสร้างป้อมปราการไม่ให้คู่แข่งชิงส่วนแบ่งของบริษัทได้ เราจึงเห็นการเข้าซื้อกิจการของบริษัทประเภทนี้เพื่อแชร์งานวิจัย สำหรับสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่าอยู่เสมอ แต่ต้องดูความคุ้มค่าของการเข้าซื้อว่าไม่ได้แพงเกินไปจนทำลายความสามารถของบริษัทเสียเอง
☀6) Industrial
6.1 ทางรถไฟ
– ความได้เปรียบด้านต้นทุน โดยรถไฟมีค่าขนส่งที่ต่ำที่สุดรองจากทางเรือ
– ขนาดตลาดที่จำกัดเพราะสภาพทางภูมิศาสตร์ที่ทำให้บางเส้นทางรถไฟ สามารถเดินรถได้เพียง 1-2 บริษัทเท่านั้น
– พลังของเครือข่ายของเส้นทางรถไฟที่ครอบคลุมทั่วพื้นที่ก็เป็นอีก Moat นึงของบางบริษัทที่กีดกันจนคู่แข่งไม่สามารถเข้ามาแย่งตลาดได้
– ในหลายประเทศมีกฎระเบียบ หรือสัมปทานจากภาครัฐทำให้ไม่มีคู่แข่งหรือมีน้อยมาก
6.2 การบริหารสนามบิน
– ส่วนใหญ่จะพบว่ามี สัมปทานจากภาครัฐ เป็น Moat ชั้นดีสำหรับบริษัทบริหารสนามบิน แต่ต้องดูว่าระยะสัมปทานจะหมดอายุกี่ปี และบริษัทสามารถขยับราคาค่าธรรมเนียมสนามบินได้หรือไม่
– อัตราการความหนาแน่ของสนามบินมีมากเพียงพอที่จะชดเชยเงินลงทุนมหาศาลหรือไม่
– ขนาดตลาดที่จำกัดเป็นอีก Moat นึงเพราะบริเวณนึงๆสนามบินจะมีเพียงแห่งเดียวหรือสองแห่ง จึงไม่มีคู่แข่งมาเปิดสู้เพราะอาจทำให้เสียหายทั้งสองฝ่าย
6.3 การขนส่งทางบกและเดินเรือ
– แทบจะไม่มีป้อมปราการเลย เพราะมีาินค้าทดแทนได้ตลอดเวลาและมี supply สูงกว่า demand เยอะ
– แม้จะมีการบริหารต้นทุนที่ดีแต่คู่แข่งก็สามารถทำได้เช่นกัน
– มีแค่บางประเทศที่มีกฎหมายห้ามบริษัทเดินเรือประเทศอื่นๆเข้ามาบริการ ทำให้เกิด Moat อย่างอ่อนๆอยู่บ้าง
– บริษัทเจ้าของท่อเรือ มักสร้าง Moat ได้จากทำเลที่ตั้งที่คู่แข่งไม่สามารถตั้งได้ เพราะเรื่องกฎหมาย หรือลักษณะทางภูมิศาสตร์
6.4 การจัดการขยะ
– ความได้เปรียบด้านต้นทุน เกิดจากบริษัทมีการบูรณาการของธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ไล่ตั้งแต่การจัดเก็บขยะตามบ้าน ไปจนถึงกำจัดขยะรูปแบบต่างๆ ทั้งฝัง เผาผลิตไฟฟ้า หรือรีไซเคิล
– สัมปทาน เป็นอีก Moat ที่ช่วยให้บริษัทมีเครื่องกีดกันคู่แข่ง แต่ต้องดูว่าปริมาณขยะคุ้มค่ากับเงินค่าสัมปทานที่จ่ายไปหรือไม่
– การควบคุมมลพิษ และการฟ้องร้องจากทั้งประชาชนและรัฐ เป็นความเสี่ยงของบริษัทประเภทนี้ซึ่งอาจนำไปสู่การยึดใบสัมปทานคืน หรือชดใช้ค่าเสียหายจำนวนมาก บริษัทจึงต้องมีวิธีการบริหารจัดการให้รัดกุม
6.5 เครื่องจักรกลหนัก
– ชื่อเสียง หรือแบรนด์เป็น Moat ที่สำคัญสำหรับบริษัท ทั้งแง่ของการรับรู้ของลูกค้าและการบริการซ่อมบำรุงเปลี่ยนอะไหล่ที่รวดเร็วเพื่อให้กิจการของลูกค้าเดินต่อไปได้ไม่สะดุด
– พลังของเครือข่ายก็เป็นอีกปัจจัยหลัก เพราะลูกค้าที่ใช้สินค้ากระจายอยู่ทั่วประเทศ หรือทั่วโลก ซึ่งลูกค้าจำเป็นต้องมีการซ่อมบำรุง จัดซื้ออะไหล่ให้เพียงพอ ทำให้บริษัทไหนที่มีเครือข่ายที่กว้าง จัดหาอะไหล่ได้ง่ายย่อมมีความได้เปรียบ
☀7) Technology
เป็นหมวดที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว บริษัทที่ยื่นระยะได้ในอุตสาหกรรมนี้ล้วนมี Moats ที่แตกต่างกัน ส่วนบริษัทไหนไม่มีก็ล้มหายตายจากกันได้ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ
7.1 เทคโนโลยีผู้บริโภค เช่น มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า
– เป็นธุรกิจที่วงจรเทคโนโลยีสั้นมาก หากใครไม่ปรับตัวมีโอกาสเพลี่งพล่ำได้ง่าย
– มีความพยายามทำให้ต้นทุนการเปลี่ยนย้าย เป็น Moat ของธุรกิจ โดยหลายบริษัทพยายามผูกบริการอื่นๆไว้กับผู้ใช้งาน เช่น apple มี apple store หรือ itune ที่ลูกค้าชำระเงินซื้อเพลงแอฟไว้อาจทำให้ไม่อยากเปลี่ยนแบรนด์ (แต่ส่วนมองว่าระยะยาว Moat แบบนี้จะค่อยๆหายไป)
– บริษัทเกม เช่น EA ก็เป็นอีกบริษัทที่ทำได้ดีโดยการจดลิขสิทธิ และสร้าง Platform ของการพัฒนาเกมส์โดยใช้เวลาสั้น ต้นทุนที่ต่ำ แต่ก็ไม่ได้รับประกันว่าจะยั่งยืนในอนาคต
7.2 ระบบฮาร์ดแวร์สำหรับองค์กร
– เป็นธุรกิจที่แทบไม่มี Moat เพราะสั่งซื้อระบบหรืออุปกรณ์จากที่ไหนก็ได้ แต่บริษัทในอุตสาหกรรมนี้ใช้ 3 วิธีในการผูกลูกค้าไว้กับบริษัทของตน
– วิธีแรก ผู้จำหน่ายสร้าง software เสริมของตนเองเข้าไปในระบบ เพื่อตอบสนองกับองค์กรนั้นๆ ซึ่งจะทำให้ลูกค้ามี switching cost หากต้องการเปลี่ยนไปใช้ระบบอื่น และต้องอบรมพนักงานสำหรับใช้งานระบบใหม่
– วิธีสอง ผู้จำหน่ายพยายามยืดอายุระบบออกไป โดยเสนอให้มีการเพิ่ม spec ต่อเติมเข้าไปโดยใช้เงินน้อยกว่าการเปลี่ยนฮาร์แวร์ใหม่ทั้งระบบซึ่งประหยัดต่อลูกค้ามากกว่า
– วิธีสาม ผู้จำหน่ายจะเสนอบริการช่วยดูแลระบบรายปี โดยตั้งราคาไว้ต่ำกว่าขายขาด 10-20%
7.3 ผู้ผลิตสารกึ่งตัวนำ
– ความได้เปรียบด้านต้นทุน จาก Economic of scale เป็นปัจจัยแรกที่ช่วยให้ผู้ผลิต semi-conductor รายใหญ่อยู่รอดได้ และนอกจากนี้ยังเหลือกำไรส่วนเกินไว้สำหรับวิจัยและพัฒนาทำให้คู่แข่งไม่สามารถเข้ามาได้อีกด้วย
– สินทรัพย์ไม่มีตัวตนได้แก่ สิทธิบัตรและงานวิจัย เป็น Moat เฉพาะตัวของแต่ละบริษัท เพราะเป็นนวัตกรรมที่หาสินค้าทดแทนได้ยาก หรือกว่าจะลอกเลียนแบบได้บริษัทก็ล้ำหน้าไปอีกขั้นแล้ว
– ผู้ผลิต Processor มักมี Moat ที่แข็งแกร่งเพราะตัวชิปมีความซับซ้อน มีผู้เล่นในตลาดจำกัด ไม่เหมือนกับผู้ผลิตหน่วยความจำที่ลอกกันง่าย
7.4 ซอร์ฟแวร์ แบ่งเป็นสองแบบคือโครงสร้างพื้นฐานและแอปพลิเคชั่น
– พลังของเครือข่ายเป็นกุญแจสำคัญที่สร้าง Moat ให้บริษัทเพราะยิ่งมีผู้ใช้งานมาก ยิ่งบังคับให้บริษัทอื่นๆต้องซื้อผลิตภัณฑ์
– ต้นทุนการเปลี่ยนย้ายที่สูง หากจะเปลี่ยนต้องแก้ไขไฟล์ใหม่ทั้งหมด ทำให้กิจกรรมทางธุรกิจหยุดชะงัก อีกทั้งต้องอบรมพนักงานระดับปฎิบัติการใหม่ทั้งหมด
– การประหยัดต่อขนาด บริษัทเริ่มต้นใหม่ต้องใช้เงินลงทุนปริมาณมากเพื่อต่อสู้กับบริษัทเจ้าตลาดที่มีทั้งบุคลากรและเงินทุนที่แตกต่างกันมาก
– ทรัพย์สินทางปัญญาและลิขสิทธิก็เป็นอีก Moat ของธุรกิจประเภทนี้ จึงเรียกได้ว่าเป็นธุรกิจหมวดเดียวที่มีป้อมปราการค่อนข้างครบทุกหมด
7.5 โทรคมนาคม
– สัมปทาน เป็นเพียง Moat เดียวที่ช่วยกีดกันให้ธุรกิจนี้หรือที่เรียกได้ว่าผูกขาด ด้วยจำนวนคู่แข่งที่มีไม่เกิน 3-4 รายจะช่วยให้การแข่งขันไม่รุนแรกจนเกินไป แต่ทั้งนี้ต้องดูด้วยว่าต้นทุนสัมปทานที่ได้มาคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปหรือไม่
– ขนาดของเครือข่ายเป็นอีก Moat ที่ช่วยให้ธุรกิจที่มีเครือข่ายกว้างและครอบคลุมมีความได้เปรียบ
– กฎระเบียบและการควบคุม แทรกแซงจากภาครัฐอาจส่งผลเสียต่อธุรกิจประเภทนี้ได้เช่นกัน จึงจัดอันดับ Moat ของกลุ่มนี้ไว้เพียงระดับอ่อนแอ
– การแย้งลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเดิม ต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงจนทำลายป้อมปราการของธุรกิจหรือไม่ เป็นอีกข้อที่ควรพิจารณา
– การรักษาสัดส่วนการตลาด และการเพิ่ม AMPU(รายได้จากการดำเนินงาน/จำนวนผู้ใช้งาน) มีแนวโน้มเป็นอย่างไรในอนาคต ซึ่งแต่ละประเทศจะแตกต่างกันไป
☀8) Utility โรงไฟฟ้า โรงผลิตน้ำประปา
– โดยปกติมี Moat จากใบอนุญาตโรงไฟฟ้าที่ต้องใช้เวลานานในการดำเนินการขอจากรัฐและมีโควต้าจำกัดในแต่ละพื้นที่
– มีข้อจำกัดคือ ราคาขายที่ถูกกำหนดไว้ตายตัวทำให้ผลตอบแทนไม่ได้สูงกว่าปกติ
– สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้า ที่มีทำเลที่ตั้งใกล้กับแหล่งวัตถุดิบ อาจเป็น Moat อย่างอ่อนๆอีกชั้นนึงที่ช่วยสร้างผลตอบแทนส่วนเกินจากต้นทุนที่ดีกว่าคู่แข่ง
– บางบริษัทมีเทคโนโลยีขั้นสูงเฉพาะตัว เช่น Ormat Technologies ที่พัฒนาการใช้พลังงานจากคความร้อนใต้พิภพ ที่แทบไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง มาผลิตไฟฟ้าได้มีประสิทธิภาพกว่าคู่แข่งอื่นๆในตลาด
หากใครสนใจก็เก็บไว้เพื่อเวลาเราวิเคราะห์บริษัทและต้องการดูว่าบริษัทมี Moats หรือไม่ และแนะนำว่าลองซื้อมาเก็บไว้หนุน เอ้ย อ่านกันครับ
สุดท้ายเมื่อบริษัทมีป้อมปราการที่ดี การรักษาระดับรายได้-กำไรก็จะน่าเติบโตเป็นไปได้อย่างราบรื่นในอนาคตครับ :3
#ทีมมาร์เทพ รายงาน